วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555





วัดแสงสิริธรรม หรือเดิมเรียกว่า"วัดขวิด" สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2327 ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2334 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ต่อมาพระอธิการชม ได้ปรารภกับเจ้าคุณศรีสมโพธิ์เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น "วัดแสงสิริธรรม" มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสร้างขึ้นตรงกับตอนต้นของสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพร้อมกับการก่อตั้งกรุงเทพมหานคร ประกอบกับบริเวณวัดมีดินดี เหมาะแก่การนำมาทำเครื่องปั้นดินเผา จึงได้สร้างโรงงานทำอิฐ เพื่อนำไปสร้างอาคารสถาน ภายในพระนคร โดยมีเจ้าสัวเนียม พ่อค้าเชื้อสายจีนจากกรุงเทพฯ มาเป็นผู้จัดการ และได้บูรณะวัดข้นใหม่ โดยซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า ตกแต่ง ปรับปรุงลายปูนั้นแบบจีนตามประตู หน้าต่าง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว



โบราณวัตถุที่สำคัญ

หลวงพ่อโต(พระพุทธศรีโรจนชัย) เป็นพระประธานในอุโบสถสร้างจาก ปูนซีเมนต์ ก่ออิฐลงรักปิดทอง ปางสดุ้งมารหน้าตักกว้าง 3 เมตรเศษ
หลวงพ่อดำ องค์หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 48 เซนติเมตร สูง 68 เซนติเมตร ปางมารวิชัย


ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม ตั้ง อยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐ ตำบลท่าอิฐ เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำ สินค้ามาแสดงและจำหน่าย และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว
เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2962 5391, 0 2584 4778

การเดินทาง
รถยนต์
จากสี่แยกแคลาย ไปทางตะวันตก ตามถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไป 1.5 กม. ถึงสี่แยกไทรม้า-ท่าอิฐ เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 3.7 กม.
รถประจำทาง/รถตู้
รถ เมล์สาย 18 จากอนุสาวรีย์ชัยฯ ผ่าน ซังฮี้ บางพลัด พระราม7 วงศ์สว่าง แคลาย พระนั่งเกล้า สี่แยกไทรม้า-ท่าอิฐ สุดสายที่ตลาดท่าอิฐ (ต่อมอเตอร์ไซค์อีก 1.8 กม. คนละ 10 บาท)
เรือ
จากท่าหัวถนนปากเกร็ด มีเรือ 2 ตอน ไปสุดทางที่วัดแสงศิริธรรม คนละ 10 บาท
ภาพประกอบจากสมาชิก
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 
ภาพโดย หมีน้อย
 












วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเผยแพร


อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ
1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5
2. ทุกขสมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ
3. ทุกขนิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง
4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา-เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ 7. สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ 8. สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ
อริยสัจ 4 นี้ เรียกสั้น ๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ คือ
  1. เมตตา (ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นมีความสุข)
  2. กรุณา (ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์)
  3. มุทิตา (ความยินดีที่ผู้อื่นมีความสุขในทางที่เป็นกุศล)
  4. อุเบกขา (การวางจิตเป็นกลาง การมีเมตตา กรุณา มุทิตา เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าตนไม่สามารถช่วยเหลือผู้นั้นได้ จิตตนจะเป็นทุกข์ ดังนั้น ตนจึงควรวางอุเบกขาทำวางใจให้เป็นกลาง และพิจารณาว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมที่ได้เคยกระทำไว้ จะดีหรือชั่วก็ตาม กรรมนั้นย่อมส่งผลอย่างยุติธรรมตามที่เขาผู้นั้นได้เคยกระทำไว้อย่างแน่นอน)
อบายมุข  คือ  เหตุเครื่องฉิบหาย  ๔  อย่าง
                    อบายมุข  หมายถึง บ่อเกิดความวิบัติ จิตใจเสื่อม     ครอบครัวล่มจม  ไม่ควรประพฤติ
.ประพฤติตนเป็นคนเจ้าชู้  เสเพมั่วอยู่กับรัก ๆ ใคร่ ๆ
.นักเลงสุรา  มั่วสุมกับของมึนเมา  และสิงเสพติดให้โทษ
.หมกมุ่นเล่นการพนันแบบผีสิง
.สนิทชิดเชื้อ  และถูกชักจูงทำชั่วทุจริต  ตามเพื่อนเลว ๆ